แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประเภทครีมกันแดด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประเภทครีมกันแดด แสดงบทความทั้งหมด

4 วิธีเลือกซื้อครีมกันแดดให้รู้จริงและใช้ได้ตรงกับวัตถุประสงค์

  1. เลือกใช้สารเคมีให้ถูก
  2. SPF หรือ Sun Protective Factor เป็นตัวที่บอกค่าต่างๆที่ผู้ใช้จะต้องรู้ก่อนซื้อครีมกันแดดนั้น มันจะเป็นตัวบอกว่าครีมกันแดดหลอดนี้ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน และ UVA เท่าไหร่ แต่ยังไม่มีค่าที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้ PA กับเครื่องหมาย + คนไทยผิวคล้ำเม็ดสีที่ผิวสามารถป้องกัน UVB ได้ระดับหนึ่ง ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และ PA++ ก็เพียงพอสำหรับวันธรรมดาแล้ว

  3. จุดประสงค์กับสถานการณ์
  4. แต่การเลือกใช้ครีมกันแดดเองก็ต้องดูที่สถานการณ์ที่เรากำลังจะไปทำ หรือจะไปอยู่ด้วย เช่นการเล่นกีฬากลางแจ้ง หรือการที่ต้องทำงานกลางแดด มีเหงื่อ ก็ต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่สูงมากขึ้นกว่าปกติ และควรเลือกครีมกันแดดประเภทที่มีคุณสมบัติที่กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water Resistance) ก็จะดีมากๆ เพราะถ้าเป็นแบบปกติทั่วไป เวลาเจอกับเหงื่อก็จะหลุดออกหมดอย่างง่ายดาย

  5. ปริมาณ และจำนวนครั้งต่อวัน
  6. ปริมาณในการใช้ครีมกันแดดก็มีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันของมันด้วย และบางครั้งการใช้น้อยเกินไป หรือมากเกินจำเป็นก็ไม่ดี เพราะอย่าลืมว่าครีมกันแดดเป็นสารเคมี สามารถมีสารตกค้างอยู่บนผิวเราได้ถ้าทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ส่วนจำนวนครั้งต่อวันนั้น ถ้าเราทำงานอยู่ในห้องแอร์ การทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวต่อวันก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าต้องออกไปทำงานข้างนอก โดนแดด โดนลม ก็อาจจะต้องเพิ่มจำนวนในการทาให้มากขึ้น

  7. ยี่ห้อไม่สำคัญ
  8. สุดท้ายก็เป็นประเด็นที่ต้องเจอกับสถานการณ์เลือกยากประจำ เมื่อไปอยู่ต่อหน้าชั้นวางครีมกันแดดในห้างสรรพสินค้า เพราะมีครีมกันแดดนาๆ ชนิด หลากหลายประเภทวางอยู่มากมาย เลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว วิธีที่แสนง่ายในการเลือกซื้อครีมกันแดดให้ถูกต้อง คือไม่ต้องไปสนใจที่ยี่ห้อของครีมกันแดด แต่ให้พุ่งประเด็นไปที่ค่าของ SPF ที่ต้องการ ค่า PA ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการใช้ เท่านี้ก็พอแล้ว

     สุดท้ายกับการเลือกซื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่จะป้องกันแดดได้นอกจากทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมา เช่น ต้องไม่ลืมว่าไม่มีครีมกันแดดตัวใดที่สามารถกันแดดได้ 100% เต็ม เพราะฉะนั้นการสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด การใส่หมวก หรือกางร่มทุกครั้งที่ออกไปเจอกับแดด ก็จะช่วยได้ และการทานอาหารที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้ เช่น ผัก ผลไม้ ก็จะช่วยให้ผิวของเราไม่อ่อนแอต่อแดดได้

เคล็ดลับการเลือกครีมกันแดดเพื่อผิวสวยๆ ของคุณสาวๆ

     สำหรับคุณสาวๆ ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของคุณจากแสงแดดด้วยนั้น จากที่เคยคิดว่าต้องดูจากครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เข้าไว้ แต่จะเลือกจากค่า SPF อย่างเดียวไม่ได้แล้ว เราจึงมีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกครีมกันแดดให้กับผิวสวยๆ มากระซิบบอกคุณสาวๆ กัน


  1. ครีมกันแดดเลือกแบบเนื้อครีม

  2. หากสาวๆ ที่มีสภาพผิวแห้ง เกิดจากการที่ผิวสูญเสียน้ำ ผิวประเภทนี้ ยิ่งเจออากาศเย็น ผิวก็จะยิ่งแห้งมากขึ้น ฉะนั้นควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดที่มีความเข้มข้นอย่างเนื้อครีมจะเหมาะที่สุด จะช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ผิวและยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวให้ยาวนานขึ้นด้วย ยิ่งเมื่อเจอกับอากาศแห้งเย็นก็ยิ่งต้องหมั่นทาครีมให้บ่อยขึ้นด้วย


  3. เลือกใช้โลชั่นกันแดด

  4. สาวๆ ผิวธรรมดา มักจะไม่ค่อยมีปัญหากับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมบำรุงเท่าใดนัก แต่ถ้าจะบอกว่าเหมาะสมที่สุดเห็นทีจะเป็นครีมกันแดดที่เป็นแบบโลชั่นกันแดด ทั้งช่วยบำรุงผิวและยังประกอบด้วยสารกันแดด จะช่วยปกป้องผิวคุณจากแสงUV แล้ว ครีมกันแดดแบบโลชั่นจะซึมเข้ากับผิวได้ง่ายกว่าและจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น


  5. ครีมกันแดดเนื้อมูสและเนื้อเจล

  6. ปัญหาสาวๆ ที่มีผิวหน้าที่มัน พอมาใช้ครีมแล้วยิ่งทำให้หน้ามันยิ่งขึ้น ก็ทำให้ไม่อยากใช้ จึงควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นแบบเนื้อมูสและแบบเนื้อเจล เพราะทั้ง 2 แบบนี้จะมีส่วนผสมของน้ำอยู่มากและไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ด้วยลักษณะบางเบาและควบคุมความมัน ทั้งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่จะช่วยขจัดความมันด้วยแล้ว จึงเหมาะกับสาวๆ ผิวมันเป็นพิเศษ


  7. ครีมกันแดด BB (Blemish Balm Cream) 

  8. สำหรับคุณสาวๆ ที่กำลังเป็นกังวลกับปัญหาของผิวหน้า ไม่ว่าจะมีจุดด่างดำ รอยแดง รอยสิว ฝ้า กระหรือรอยแผลเป็น ที่ต้องการปกปิด และก็ยังอยากปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยนั้น ควรเลือกใช้ครีมกันแดดชนิดบีบีครีมที่มีส่วนผสมของเบส รองพื้น บำรุงผิวและมีสารกันแดด และเพื่อให้ดูกลืนกับผิวควรเลือกโทนสีที่เข้ากับสีผิวด้วย จะทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น


  9. ครีมกันแดด CC (Color Correcting Cream)

  10. ครีมกันแดดแบบซีซีครีม จะเป็นตัวใหม่และมาแรงในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของสาวๆ ที่อยากได้รับการปกป้องจากแสงแดดพร้อมทั้งได้ผิวสวยกระจ่างใส เพราะซีซีครีมมีคุณสมบัติเด่นของเบส รองพื้น บำรุงผิว กันแดดและสารควบคุมความมันพร้อมกับปรับสีผิว จึงทำให้ผิวของคุณสาวๆ เรียบเนียนเสมอกันและดูเป็นธรรมชาติด้วย

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับครีมกันแดดผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสง UV

     ปัจจุบันจะเห็นว่าคุณสาวๆ ให้ความสนใจกับการใช้ครีมกันแดดและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดกันมากขึ้น เพราะต้องการปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต(UV) จากแสงแดด ซึ่งในท้องตลาดก็มีผลิตภัณฑ์กันแดดออกมาแข่งขันกันมากมาย จึงนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับครีมกันแดดที่คุณสาวใช้อยู่ จะได้เลือกใช้ได้อย่างเข้าใจมากขึ้น


  • ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดอยู่จริง
  • ผลิตภัณฑ์กันแดดและครีมกันแดดของคุณใช้กันอยู่ จะรู้ได้อย่างไรว่ามีส่วนผสมของสารกันแดดอยู่จริง และจะปกป้องผิวของเราจากรังสี UVจากแสงแดดได้มากแค่ไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรรู้อย่างมาก เพราะเราจะเลือกซื้อจากคำโฆษณาและในฉลากผลิตภัณฑ์บอกไว้เท่านั้น ฉะนั้นมาดูเพิ่มอีกอย่าง คือชื่อของสารกันแดดที่เห็นได้บ่อยๆ ในผลิตภัณฑ์กันแดด ดังนี้ Titanium Dioxide ,Benzophenone-3 ,2-Ethylhexyl Methoxycinnamate ,Butyl  Methoxydibenzoylmethane ,Bis-Ethylhexyloxyphenolmethoxytriazine


  • ทำความรู้จักค่า SPF และค่า PA
  • สงสัยกันมากว่า SPF และ PA ที่เห็นจากฉลากของผลิตภัณฑ์นั้นคืออะไร? ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ ก็คือค่าที่บอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ที่ต่างกันคือ ค่า SPF (Sun Protection Factor) จะป้องกันรังสี UVB รังสีชนิดนี้มีผลทำให้ผิวไหม้ พองบวม ส่วน  PA (Protection Grade of UVA) จะป้องกันรังสี UVA ต้นเหตุของสีผิวที่หมองคล้ำ เหี่ยวย่น และทั้ง 2 ชนิดอาจส่งผลให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีทั้งค่า SPF และค่า PA เพื่อการปกป้องผิวของคุณได้ดีที่สุด


  • ความแตกต่างของตัวเลขในค่า SPF
  • ส่วนใหญ่เราจะเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพราะมั่นใจว่าจะต้องปกป้องผิวได้ดีกว่าตัวเลขต่ำๆ แน่ๆ ความจริงแล้วตัวเลข SPF สูงนั้น คือจะสามารถป้องกันได้นานกว่า ไม่ใช่ป้องกันได้ดีกว่า เพื่อเข้าใจที่ถูกต้องก็คือ โดยปกติผิวเรานั้นจะสามารถรับมือกับแสงแดดได้นาน 20 นาที จึงนำมาเป็นเกณฑ์เริ่มต้น ถ้าในครีมกันแดดระบุค่า SPF15 ก็คือ 15x20 เท่ากับรับมือได้นาน 300 นาที เป็นต้น แสดงว่าถ้าค่า SPF สูงกว่า ย่อมปกป้องผิวจากแสงแดดได้นานกว่านั่นเอง


  • เครื่องหมายบวก (+) ในค่า PA
  • สำหรับครีมกันแดดที่มีค่า PA เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างจากแต่ก่อนที่มีแต่ค่า SPF ดังนั้นเท่ากับผิวจะได้รับการปกป้องจากแสงแดดได้ดีกว่าเดิม ส่วนค่า PA ที่เห็นเป็นเครื่องหมายบวก(+) ต่อท้ายนั้น เป็นการบอกระดับการปกป้องรังสี UVA ว่ามีความสามารถปกป้องผิวได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ระดับ คือ PA+, PA++และ PA+++ เริ่มต้นเลยคือ PA+ นั้น จะมีความสามารถในการป้องกันรังสี UVA อยู่ที่ 2-4 เท่า เครื่องหมายบวกที่เพิ่มขึ้นอีกเป็น 4-8 เท่าและ 8-16 เท่าตามมา และยังมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นด้วย